ว่าด้วยเรื่องของเบรกซึ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลายๆ คนมีมุมมองที่อาจจะแตกต่างไปสำหรับการแต่งรถ ว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองหรือไม่ได้มีความจำเป็นเพราะของเดิมก็ใช้ได้ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันมีของที่ดีกว่า แต่จะทำไปทำไมให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่สำหรับบางคนที่เคยอัพเกรดระบบเบรกเพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เบรกแบบกดกันจนตัวโก่งในยามฉุกเฉิน ขอแค่ครั้งเดียวแล้วเบรกอยู่ก็มองว่า จ่ายเท่านี้ ยังไงก็คุ้ม แลกกับรถไม่ต้องชน ไม่เสียเวลาทำรถ รถไม่มีตำหนิในวันขายรถต่อ ทุกคนบนรถปลอดภัย อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะให้ความสำคัญกับตรงนี้หรือไม่
เบรกปัจจุบันมีให้เลือกทำกันหลายแบบ แต่ถ้าอยากให้รถเบรกดีขึ้นมันมีวิธีง่ายๆ แค่ไม่กี่อย่างแต่ระยะหยุดรถสั้นลงแบบรู้สึกได้อย่างแน่นอน อ้างอิงจากข้อมูลทางเทคนิคของของที่ใส่และประสบการณ์ใช้งานจริง
1. ผ้าเบรก : หลักๆ Product ส่วนนี้ถูกแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทง่ายๆ สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ คือ
a. รถบ้าน ขับใช้งานปกติสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ชอบให้เบรกมีเสียง ฝุ่นจากผ้าเบรกน้อย ต้องการระยะเบรกที่สั้นกว่าผ้าเบรกที่ติดรถออกมาจากศูนย์และที่สำคัญราคาใกล้เคียงไม่แตกต่างจากของศูนย์บริการหรือของติดรถมากนัก ซึ่งถ้าจะให้จัดของที่เหมาะสำหรับการใช้งานแบบนี้ ก็น่าจะต้องเป็น
1. Nexzter Mu Spec, Temp 500, Friction 0.40-0.45
2. Dixcel EC, Temp 450, Friction 0.35-0.50
3. Dixcel Type M, Temp, 500 Friction 0.39-0.52
b. รถซิ่ง ขับเร็ว เบรคต่อเนื่องบ่อย เบรกลึก ใช้เบรกหนัก ซึ่งผ้าเบรกสำหรับการใช้งานแบบนี้มักจะต้องทนอูณหภมิสูง มีค่า Friction หรือเสียดทานจากการสัมผัสระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรกสูงๆ แต่ก็จะมีผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย เช่น มีเสียงบ้างในการใช้งานความเร็วต่ำ ผ้าเบรกมีฝุ่นค่อนข้างเยอะกว่าของเดิม
1. Nexzter Pro Spec, Temp 600, Friction 0.43-0.48
2. Dixcel ES, Temp 600, Friction 0.34-0.48
3. Dixcel Type S, Temp, 700 Friction 0.36-0.54
2. จานเบรก : โดยปกติแล้วสำหรับการใช้งาน เรามักจะเปลี่ยนผ้าเบรกกันประมาณ 2 ชุด จานก็จะเริ่มบาง เนื่องจากตอนเปลี่ยนผ้าเบรกชุดแรก จานอาจจะมีรอยไหม้หรือมีการสึกที่ไม่เท่ากันจากการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการเจียจานเบรกให้กลับมาใกล้เคียงกับจานใหม่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีการเจียจานครั้งที่ 2 จานก็จะเริ่มบางลงเรื่อยๆ จนไม่เหมาะที่จะใช้งานต่อไปเพราะความหนาลดลงและอาจจะส่งผลให้จานคดได้ง่ายขึ้นหรือบางเคสก็บางจนแตกไปเลย โดยปัจจุบันนี้มีจานให้เลือกใช้งานหลักๆ 2 ประเภท
a. จานเบรกทดแทนของเดิม ซึ่งราคาไม่แพงแต่ประสิทธิภาพดีกว่าของติดรถ เพื่อเป็นทางเลือกให้คนที่ไม่อยากเจียจาน แต่ก็ไม่อยากเปลี่ยนจานเบรกที่มีราคาแพงเกินความจำเป็นและเกินการใช้งาน
1. Brembo
2. TRW
3. Nexzter
b. จานเบรกอัพเกรด
1. Dixcel SD Type
3. สายถักเบรก : ด้วยของเดิมติดรถออกมาจากศูนย์โดยส่วนใหญ่มักจะใช้สายเบรคที่ทำจากยางซึ่งเป็นวัสดุที่ให้ตัวได้ นิ่ม และมีความยืดหยุ่นมากกว่าทำให้ เมื่อมีการใช้งานไปจนอูณหภูมิสูง หรือมีแรงดันในระบบเพิ่มขึ้น จะทำให้สายเบรกมีการขยายตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความไวความเสถียรและประสิทธิภาพของการเบรกโดยตรง เมื่อเราเปลี่ยนเป็นสายถัก สายเบรกจะไม่มีการขยายตัวจากการใช้งานอีกต่อไป ทำให้เบรกจากเท้าที่ส่งน้ำมันไปหาผ้าเบรกมีการตอบสนองที่ไวขึ้น ในช่วงเสี้ยววินาทีของการหยุด ระยะเบรกก็จะสั้นลงตามไปด้วยจากการตอบสนองส่วนนี้ที่ไวขึ้น รวมถึงความเสถียรของแรงเบรกและการทนแรงดันสูงจากการเบรก ซึ่งแบรนด์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและผ่านการทดสอบใช้งานจนถือได้ว่ามีประสิทธิภาพดีในระยะยาวคือ แบรนด์ Hel
4. น้ำมันเบรก ปัจจุบันเบอร์น้ำมันเบรกที่นิยมใช้กันจะเป็น Dot 5.1 ซึ่งมีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นสูงกว่าของเดิมติดรถ และให้ ของการเบรกเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปจนถึงความเร็วสูงบนถนน คือ ไว แต่หัวไม่ทิ่ม ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับระบบน้ำมันคือการไล่น้ำมันเบรกด้วย
5. เปลี่ยนปั๊มเบรค (Caliper) เดิมปั๊มติดรถส่วนใหญ่จะเป็นปั๊มที่มีลูกสูบลูกใหญ่ลูกเดียว ซึ่งการอัพเกรดโดยการเปลี่ยนปั๊มส่วนมากจะเป็นการเปลี่ยนเพื่อเพิ่มจำนวนลูกสูบ เพื่อให้มีแรงกดไปที่ผ้าเบรกมากขึ้น เสถียรขึ้น และยังได้ของแถมคือเรื่องความสวยงามมาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยน Caliper ก็จะมี 2 แบบ หลักๆ คือ ปั๊ม Re-built แท้ และปั๊มแท้ใหม่มือ 1 ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ขนาดล้อว่าใส่กับเบรครุ่นที่เราเลือกได้หรือไม่
จากชุดระบบอัพเกรดเบรกทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าชุดไหนหรือยี่ห้อไหนดีกว่ากัน แต่ต้องเลือกดูว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นแบบไหนแล้วเลือกของให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ความเร็วในการขับขี่ งบประมาณ ฝุ่นมากฝุ่นน้อย เสียง ระบะเบรก น้ำหนักบรรทุกที่ใช้งานประจำ เนื่องจากอุปกรณ์แต่ละอย่างที่ใส่เข้าไป จะต้องมีผลอย่างอื่นตามมาบ้างไม่ก็น้อยซึ่งแต่ละคนอาจจะรับได้แตกต่างกันเพื่อแลกกับประสิทธิภาพเบรกที่ดีขึ้น