Your address will show here +12 34 56 78

ว่าด้วยเรื่องของเบรกซึ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หลายๆ คนมีมุมมองที่อาจจะแตกต่างไปสำหรับการแต่งรถ ว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองหรือไม่ได้มีความจำเป็นเพราะของเดิมก็ใช้ได้ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันมีของที่ดีกว่า แต่จะทำไปทำไมให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่สำหรับบางคนที่เคยอัพเกรดระบบเบรกเพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เบรกแบบกดกันจนตัวโก่งในยามฉุกเฉิน ขอแค่ครั้งเดียวแล้วเบรกอยู่ก็มองว่า จ่ายเท่านี้ ยังไงก็คุ้ม แลกกับรถไม่ต้องชน ไม่เสียเวลาทำรถ รถไม่มีตำหนิในวันขายรถต่อ ทุกคนบนรถปลอดภัย อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะให้ความสำคัญกับตรงนี้หรือไม่

เบรกปัจจุบันมีให้เลือกทำกันหลายแบบ แต่ถ้าอยากให้รถเบรกดีขึ้นมันมีวิธีง่ายๆ แค่ไม่กี่อย่างแต่ระยะหยุดรถสั้นลงแบบรู้สึกได้อย่างแน่นอน อ้างอิงจากข้อมูลทางเทคนิคของของที่ใส่และประสบการณ์ใช้งานจริง

1. ผ้าเบรก : หลักๆ Product ส่วนนี้ถูกแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทง่ายๆ สำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ คือ

a. รถบ้าน ขับใช้งานปกติสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ชอบให้เบรกมีเสียง ฝุ่นจากผ้าเบรกน้อย ต้องการระยะเบรกที่สั้นกว่าผ้าเบรกที่ติดรถออกมาจากศูนย์และที่สำคัญราคาใกล้เคียงไม่แตกต่างจากของศูนย์บริการหรือของติดรถมากนัก ซึ่งถ้าจะให้จัดของที่เหมาะสำหรับการใช้งานแบบนี้ ก็น่าจะต้องเป็น

1. Nexzter Mu Spec, Temp 500, Friction 0.40-0.45

2. Dixcel EC, Temp 450, Friction 0.35-0.50

3. Dixcel Type M, Temp, 500 Friction 0.39-0.52

b. รถซิ่ง ขับเร็ว เบรคต่อเนื่องบ่อย เบรกลึก ใช้เบรกหนัก ซึ่งผ้าเบรกสำหรับการใช้งานแบบนี้มักจะต้องทนอูณหภมิสูง มีค่า Friction หรือเสียดทานจากการสัมผัสระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรกสูงๆ แต่ก็จะมีผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย เช่น มีเสียงบ้างในการใช้งานความเร็วต่ำ ผ้าเบรกมีฝุ่นค่อนข้างเยอะกว่าของเดิม

1. Nexzter Pro Spec, Temp 600, Friction 0.43-0.48

2. Dixcel ES, Temp 600, Friction 0.34-0.48

3. Dixcel Type S, Temp, 700 Friction 0.36-0.54

2. จานเบรก : โดยปกติแล้วสำหรับการใช้งาน เรามักจะเปลี่ยนผ้าเบรกกันประมาณ 2 ชุด จานก็จะเริ่มบาง เนื่องจากตอนเปลี่ยนผ้าเบรกชุดแรก จานอาจจะมีรอยไหม้หรือมีการสึกที่ไม่เท่ากันจากการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการเจียจานเบรกให้กลับมาใกล้เคียงกับจานใหม่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีการเจียจานครั้งที่ 2 จานก็จะเริ่มบางลงเรื่อยๆ จนไม่เหมาะที่จะใช้งานต่อไปเพราะความหนาลดลงและอาจจะส่งผลให้จานคดได้ง่ายขึ้นหรือบางเคสก็บางจนแตกไปเลย โดยปัจจุบันนี้มีจานให้เลือกใช้งานหลักๆ 2 ประเภท

a. จานเบรกทดแทนของเดิม ซึ่งราคาไม่แพงแต่ประสิทธิภาพดีกว่าของติดรถ เพื่อเป็นทางเลือกให้คนที่ไม่อยากเจียจาน แต่ก็ไม่อยากเปลี่ยนจานเบรกที่มีราคาแพงเกินความจำเป็นและเกินการใช้งาน

1. Brembo

2. TRW

3. Nexzter

b. จานเบรกอัพเกรด

1. Dixcel SD Type

3. สายถักเบรก : ด้วยของเดิมติดรถออกมาจากศูนย์โดยส่วนใหญ่มักจะใช้สายเบรคที่ทำจากยางซึ่งเป็นวัสดุที่ให้ตัวได้ นิ่ม และมีความยืดหยุ่นมากกว่าทำให้ เมื่อมีการใช้งานไปจนอูณหภูมิสูง หรือมีแรงดันในระบบเพิ่มขึ้น จะทำให้สายเบรกมีการขยายตัวได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความไวความเสถียรและประสิทธิภาพของการเบรกโดยตรง เมื่อเราเปลี่ยนเป็นสายถัก สายเบรกจะไม่มีการขยายตัวจากการใช้งานอีกต่อไป ทำให้เบรกจากเท้าที่ส่งน้ำมันไปหาผ้าเบรกมีการตอบสนองที่ไวขึ้น ในช่วงเสี้ยววินาทีของการหยุด ระยะเบรกก็จะสั้นลงตามไปด้วยจากการตอบสนองส่วนนี้ที่ไวขึ้น รวมถึงความเสถียรของแรงเบรกและการทนแรงดันสูงจากการเบรก ซึ่งแบรนด์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและผ่านการทดสอบใช้งานจนถือได้ว่ามีประสิทธิภาพดีในระยะยาวคือ แบรนด์ Hel

4. น้ำมันเบรก ปัจจุบันเบอร์น้ำมันเบรกที่นิยมใช้กันจะเป็น Dot 5.1 ซึ่งมีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นสูงกว่าของเดิมติดรถ และให้ ของการเบรกเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปจนถึงความเร็วสูงบนถนน คือ ไว แต่หัวไม่ทิ่ม ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับระบบน้ำมันคือการไล่น้ำมันเบรกด้วย

5. เปลี่ยนปั๊มเบรค (Caliper) เดิมปั๊มติดรถส่วนใหญ่จะเป็นปั๊มที่มีลูกสูบลูกใหญ่ลูกเดียว ซึ่งการอัพเกรดโดยการเปลี่ยนปั๊มส่วนมากจะเป็นการเปลี่ยนเพื่อเพิ่มจำนวนลูกสูบ เพื่อให้มีแรงกดไปที่ผ้าเบรกมากขึ้น เสถียรขึ้น และยังได้ของแถมคือเรื่องความสวยงามมาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยน Caliper ก็จะมี 2 แบบ หลักๆ คือ ปั๊ม Re-built แท้ และปั๊มแท้ใหม่มือ 1 ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ขนาดล้อว่าใส่กับเบรครุ่นที่เราเลือกได้หรือไม่

จากชุดระบบอัพเกรดเบรกทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าชุดไหนหรือยี่ห้อไหนดีกว่ากัน แต่ต้องเลือกดูว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นแบบไหนแล้วเลือกของให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ความเร็วในการขับขี่ งบประมาณ ฝุ่นมากฝุ่นน้อย เสียง ระบะเบรก น้ำหนักบรรทุกที่ใช้งานประจำ เนื่องจากอุปกรณ์แต่ละอย่างที่ใส่เข้าไป จะต้องมีผลอย่างอื่นตามมาบ้างไม่ก็น้อยซึ่งแต่ละคนอาจจะรับได้แตกต่างกันเพื่อแลกกับประสิทธิภาพเบรกที่ดีขึ้น

0

รีวิวนี้เป็นรีวิวสำหรับคนที่เน้นสมรรถนะของยางในการขับขี่บนนถนนแห้ง แต่ยังต้องการรีดน้ำดีบนถนนเปียก (เจอแอ่งน้ำแล้วไม่แถ) เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงๆ ได้ เบรคแรงๆ แล้วไม่ไถล แน่นอนคุณกำลังมองหายางสปอร์ตอยู่ไม่ว่าคุณจะรู้จักคุณสมบัติของมันหรือไม่ แต่ยางชนิดนี้ก็ไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง เหรียญมี 2 ด้าน ผลที่ตามมามีแน่นอน เช่น เรื่องเสียงที่ดังขึ้น ความแข็งของแก้มยางที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับยาง Comfort แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตของแบรนด์ชั้นนำในปัจจุบัน ผลกระทบเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกพัฒนาให้เกิดขึ้นน้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพของยางสปอร์ตเช่นเดิม วันนี้เราจะมาลองดูกันว่า แบรนด์ชั้นนำที่ว่า ใครดีใครเด่นด้านไหนบ้าง

1.Michelin Pilot sport 3

2.Bridgestone RE004

3.Yokohama V701

โจทย์การใช้งาน

โจทย์การทดสอบ : ขับเร็ว โยกบ้าง มุดบ้าง แต่ใช้ความเร็วไม่เกิน 190 กม./ชม.

ตัวแรกเลย Michelin Pilot sport 3

ความรู้สึกแรกเมื่อได้ทดลองขับ เห้ย !!! ยางสปอร์ตมันต้องแข็งๆ หน่อย ตึงตังหน่อยดิ แต่นี่แบบไม่ได้กระด้างอย่างที่เราคิดนี่หว่า อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เรื่องการเกาะถนน เข้าโค้งลึกๆ หน่อย นิ่ง ไปได้สบายๆ เอาอยู่เลย รีดน้ำอันนี้ผมให้เต็ม 10 เจอแอ่งใหญ่ๆ จับพวงมาลัยแน่นๆ ผ่านสบายๆ ชิลๆ รถแทบไม่เสียอาการ

ข้อเสีย หลัง 10,000โลไป เสียงเริ่มมา + เนื้อยางเริ่มแข็งขึ้น แต่เรื่องการเกาะถนนยังมั่นใจเหมือนเดิม

เพิ่มเติม : ที่ต้องย้อนกลับไปถึง Pilot Sport 3 เพราะอยากรีวิวของที่ตัวเองได้ใช้งานจริง หลายๆ คนคงถามว่า แล้วตัวปัจจุบันที่ถูกพัฒนาไปสำหรับยางประเภทเดียวกัน คือ Pilot Sport 5 ล่ะ ก็ต้องบอกว่า เค้าได้พัฒนาไปในทิศทางที่ค่อนข้าง comfort ขึ้น เช่น เสียงเบาลง ขับสบายขึ้นครับ

Bridgestone RE004

ชุดที่สองหลังจาก Michelin หมดสภาพตามกาลเวลา ความรู้สึกแรกที่ใส่ดอกมันสวยดูสปอร์ตกว่า PS3 ความเร็วต่ำๆ ยางค่อนข้างแข็งพอสมควร เมื่อเทียบกับ Michelin ที่ใช้งานมา 3-4 หมื่นโล แต่เรื่องการเกาะถนน เข้าโค้งทำได้ดีไม่ต่างกับ Michelin เลย รีดน้ำ เต็ม 10 ไม่หักเหมือนกัน

โค้งแรงๆ ผมว่ามั่นใจกว่า PS3 นิดๆ

ข้อเสีย เนื้อยางค่อนข้างแข็ง เสียงดังระดับนึง (แต่รับได้)

Yokohama V701

ชุดนี้ความรู้สึกแรก เอาเว้ยมันนุ่มกว่า RE004 // PS3 ตั้งแต่วันแรกเลย ความเร็วต่ำๆ สบายขึ้นเยอะ ช่วงความเร็วสูงถ้าไม่มุดเยอะเอาอยู่มั่นใจได้ แต่หากเข้าโค้งแรงจะมีดิ้นๆ บ้างพอให้เสียวนิดนึง อาจจะด้วยเพราะเนื้อยางมันนุ่ม รีดน้ำถือว่าทำได้ค่อนข้างดีแต่ผมว่ายังเป็นรอง 2 ตัวด้านบนให้ 8/10 ละกันครับ

ข้อเสีย เสียงดังพอสมควรด้วยหน้าตาดอกยางที่เป็นดอกลูกศรวิ่งทางเดียว ในโค้งหนักๆ มีดิ้นๆอยู่บ้าง

สรุปส่วนตัวสำหรับผมนะครับ

ผมชอบ Michelin PS3 ที่สุด แต่ข้อเสียคือ แพง + ดอกยางไม่ค่อยสวย ดูไม่สปอตเท่าไหร่

รองลงมา Yoko V701 ผมให้เหมาะสมกับคนที่ขับเร็วได้ แต่ไม่ค่อยสาดในโค้งอันนี้ตอบโจทย์ ดอกสวย + นุ่ม ราคาดี

สุดท้าย Bridgestone Re004 หล่อดอกสวย เหมาะกับคนที่ขับรถเร็ว ไม่ติดเรื่องเนื้อยางแข็ง ราคาพอๆ กับ Michelin

หวังว่าจะมีส่วนที่จะช่วยเพื่อนๆ พี่ๆ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้ยางกันนะครับ ใครมีรุ่นไหนที่ใช้อยู่มาแชร์ข้อมูลใต้โพสนี้กันได้เลย หากท่านสนใจติดตั้งของแท้กับเราที่ P2013 ป.ธนพัฒน์ สามารถมาใช้บริการกับเราได้ทั้ง 2 สาขา โดยเราเป็นร้านจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งช่วงล่างรถยนต์หลากหลายประเภท เช่น เบรค โช๊คอัพ ล้อแม็ก ยางรถยนต์ หรือท่อไอเสีย ซึ่งเรามีตัวอย่างผลงานที่เราได้แต่งรถยนต์ให้กับลูกค้าหลายราย ท่านสามารถเข้าไปดูได้ที่ Facebook: P2013 – ป.ธนพัฒน์ 2013 หากต้องการสอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ Mobile : 081-789-6639 // 099-1010-109 หรือ LINE ID : @P2013

0

โปรโมชั่น

ถ้าพูดถึงระบบเบรก 1 แบรนด์ที่จะเรียกว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก ทุกคนน่าจะต้องนึกถึง Brembo เบรกคุณภาพสูงสัญชาติอิตาลีอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากจะผลิตเบรกติดรถให้กับรถยุโรปชั้นนำอย่างมากมายแล้ว Brembo ยังมีทำเบรก After Market ที่เป็นเบรก High Performance มาอีกด้วย
ตัวคาลิปเปอร์เบรกจะถูกแบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลักๆ โดยที่ทั้งหมดเป็น Monobloc ดังนี้

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


1. Brembo GT
– Body : Aluminum cast
– Color : painted
– Color selection : Red, Black, Silver, Yellow
– Disc diameter : 355, 380, 405 mm
2. Brembo GT-S (Aluminium cast)
– Body Aluminium cast
– Color : Hard anodized with engraved logo
– Color selection : Black with red logo
– Disc diameter : 355, 380, 405 mm
3. Brembo GT-R (Aluminium billet)
– Aluminium cast
– Color : Nickel plated with engraved logo
– Ventilation stainless steel instert
– Disc diameter : 355, 380, 405 mm
ทั้ง 3 รุ่นที่กล่าวมาเป็นเบรกที่รองรับการใช้งานทั้งในรูปแบบปกติบนถนนและการขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพเบรกสูงๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันจะเป็นเรื่องของการขึ้นรูปและกรรมวิธีการผลิตซึ่งส่งผลต่อน้ำหนักและความแข็งแรง ทำให้ได้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกในแต่ละระดับ เรียกง่ายๆ ว่า ดี ดีมาก ดีที่สุด ให้เข้าใจง่ายๆ นั่นเอง
จานเบรกของทาง Brembo ที่จับกับคาร์ลิปเปอร์ทั้ง 3 รุ่นจะมี 2 แบบ ดังนี้

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

1. จาน Type II จะเป็นจานที่เจาะรูทั่งทั้งจาน
2. จาน Type III จะเป็นจานเซาะร่องลายเรซซิ่ง
ด้วยความที่เบรกแบรนด์นี้ได้รับความนิยมมากทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้ในท้องตลาด มีของปลอมและลอกเลียนแบบผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก จากรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างตรวจสอบได้ยากหากไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการสังเกตและตรวจสอบ ในการเลือกซื้อต้องระมัดระวังเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นตัวแทนจำหน่ายของแท้อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ได้เบรกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด

0

หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของรถที่ไม่ว่าคุณจะแต่งรถหรือไม่ก็ตาม ของสิ่งนี้ก็ยังจำเป็นจะต้องดีและพร้อมใช้งานที่สุดตลอดเวลาซึ่งนั่นก็คือ ระบบเบรก

สำหรับสายซิ่งน่าจะต้องรู้จักแบรนด์นี้กันดี Endless เบรกประสิทธิภาพสูงสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งค่อนข้างเป็นที่นิยมในตลาดรถแต่งญี่ปุ่น ราคามือสองแข็ง แม้ว่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วก็ตาม

คุณสมบัติหลักของเบรกแบรนด์นี้คือ ให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ค่อนข้างไว กระชับในการเบรก ลดระยะเบรกได้ชัดเจน โดยความนุ่มนวลในการใช้งานก็จะแตกต่างไปตามรุ่นและราคา แต่ก็จะอยู่บนพื้นฐานที่ไปในทาง High Performance คือรองรับการใช้งานในความเร็วสูงต่อเนื่องได้ ระยะเบรกสั้น หนึบ ไม่ไหล ไม่เฟดง่าย ทนอูณหภูมิได้สูง Friction ของการเบรกสูง โดย Product จะแบ่งออกเป็นหลักๆ ดังนี้

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

  1.   S6 หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า Endless น้ำเงิน เป็นเบรก Twinblock 2 ชิ้น ให้ความไวในการเบรกค่อนข้างดีมาก สำหรับบางคนที่ไม่เคยใช้งานอาจจะรู้สึกไวจนขาดความนิ่มนวลไปบ้างแต่ประสิทธิภาพถือว่าสมกับราคา โดยสเปคมีรองรับตั้งแต่ 4 พอด ไปจนถึง 6 พอด ขนาดจาน 282 มม. ไปจนถึง 370 มม.
  2.   Monoblock เป็น Caliper ที่ถูกขึ้นรูปขึ้นมาเป็นชิ้นเดียว ให้ความไวในการเบรกค่อนข้างดีมากและเพิ่มเติมเรื่องความนุ่มนวลในการเบรกมากขึ้น ปั๊มน้ำหนักเบาขึ้น แข็งแรงมากขึ้น ประสิทธิภาพดีกว่า S6 โดยสเปคมีรองรับตั้งแต่ 4 พอด ไปจนถึง 6 พอด ขนาดจาน 355 มม. ไปจนถึง 370 มม.
  3.   Meki Monoblock เป็น Caliper ที่ถูกขึ้นรูปขึ้นมาเป็นชิ้นเดียว รุ่น Lightweight พร้อมสีพิเศษ ให้ความไวในการเบรกดีมากและเพิ่มเติมเรื่องความนุ่มนวลในการเบรกมากขึ้น ปั๊มน้ำหนักเบาที่สุด แข็งแรง ประสิทธิภาพสูง สำหรับรุ่นนี้จะต้องเป็นการสั่งสำหรับรถเฉพาะรุ่น ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงมาก

 
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


ในการติดตั้งเบรก Endless จะมี Accessories ต่างๆ มาด้วยครบชุด ไม่ว่าจะเป็นสายถัก น้ำมันเบรกและผ้าเบรก ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะทำให้ระบบเบรกสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

0


ก่อนที่จะมารู้จักคุณสมบัติของโช้ค KW เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ปัญหาการใช้งานของโช้คเดิมมีอะไรบ้าง เช่น ย้วยโยนและกระเด้งเมื่อขับด้วยความเร็ว รถโยนไม่หยุดเมื่อเจอคลื่นถนนหรือเมื่อกระโดดบนคอสะพาน อาการโคลงเคลงเมื่อขับความเร็วต่ำหรือเจอฝาท่อและถนนที่ไม่เรียบทำให้นั่งไม่สบาย ไม่มั่นใจเมื่ออยู่ในโค้งหรือโยกรถกระทันหัน ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้สามารถแก้ไขให้หายไปหรือลดลงได้ด้วยโช้ค KW เพียงชุดเดียว แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ประสบการณ์และความเข้าใจในการปรับเซ็ทตัวโช้ค ด้วยความที่ข้อดีของโช้คคือ การปรับเซ็ทได้หลากหลายแบบแล้วแต่การใช้งานและอาการที่อยากจะแก้ ซึ่งก็จะเป็นปัญหาและยากต่อการปรับเซ็ทสำหรับคนที่ไม่เข้าใจอาการหรือไม่มีประสบการณ์ในการปรับเซ็ทด้วยเช่นกัน

 

ความอัจฉริยะของโช้ค KW



ความอัจฉริยะคือเรื่องของวาล์วน้ำมันที่สามารถปรับแยกตามจังหวะการยุบและยืดของโช้คได้ ซึ่งจะให้อาการที่ออกมาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขอาการไหนของรถและค่อนข้างจะยากต่อการทำความเข้าใจหากใช้ความรู้สึก ยกตัวอย่าง เช่น บางคนรู้สึกว่ารถกระเด้งหรือแข็ง กลับเข้ามาให้ปรับเซ็ทอยากให้นุ่มขึ้น เมื่อออกไปลองทดสอบด้วยกันเก็บอาการและปัญหามาพร้อมกันแล้วปรับแก้จนได้ความรู้สึกที่พอใจ สุดท้ายแล้วทางเรา

ได้มีการปรับเซ็ทเป็นการปรับให้เบอร์น้ำมันที่แข็งขึ้น ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ลูกค้าแจ้งว่าให้ปรับนุ่ม แต่อาการที่ได้คือ นุ่มขึ้นในความรู้สึกลูกค้า เหล่านี้ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ของคนปรับเซ็ทว่าจะมีความเข้าใจอาการของโช้ค, ตัวรถและปัญหาของลูกค้าได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งมีส่วนสำคัญมากว่าลูกค้าจะได้รับความพอใจในโช้คชุดนี้หรือไม่


ปรับโช้ค KW ยังไงให้เหมาะสม



ตัวโช้ค KW ปกติแล้วจะมีการกำหนดค่า Pre-load รวมถึงระยะการโหลดรถสูงสุดกับต่ำสุดเอาไว้ด้วยในโช้คแต่ละรุ่น ซึ่งคนติดตั้งจะต้องมีความเข้าใจใน Application ของโช้ค แต่ละ Model และปรับเซ็ทโช้คให้อยู่ภายในที่ระยะที่คู่มือกำหนดด้วย ในหลายๆ เคสที่มีทางลูกค้ามีการติดตั้งมาจากที่อื่น การปรับเซ็ทไม่อยู่ในระยะที่คู่มือกำหนดก็จะส่งผลถึงการทำงานของโช้คที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ปรับเบอร์น้ำมันยังไงก็ไม่เจออาการที่ดีตามที่เจ้าของรถต้องการ

 

สุดท้ายแล้วของจะใช้งานดีหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่องค์ประกอบของตัวของที่ดีอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคำแนะนำจากผู้ขายที่เลือกโช้คให้ลูกค้าว่าเข้าใจปัญหาการใช้งานของผู้ซื้อหรือไม่ด้วย รวมถึงความรู้ความเข้าใจในงานติดตั้งและปรับเซ็ทจากทางร้านค้าและความรับผิดชอบในบริการหลังการขาย การวารันตีจากตัวแทนที่ถูกต้องของประเทศไทย การดูแลลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนประกอบที่ P2013 มีให้ลูกค้าแน่นอน หากท่านสนใจติดตั้งของแท้กับเราที่ P2013 ป.ธนพัฒน์ สามารถมาใช้บริการกับเราได้ทั้ง 2 สาขา โดยเราเป็นร้านจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งช่วงล่างรถยนต์หลากหลายประเภท เช่น เบรค โช๊คอัพ ล้อแม็ก ยางรถยนต์ หรือท่อไอเสีย ซึ่งเรามีตัวอย่างผลงานที่เราได้แต่งรถยนต์ให้กับลูกค้าหลายราย ท่านสามารถเข้าไปดูได้ที่ Facebook: P2013 – ป.ธนพัฒน์ 2013 หากต้องการสอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ Mobile : 081-789-6639 // 099-1010-109 หรือ LINE ID : @P2013

0